ชีวิตเบื้องต้น ของ ทอมัส แบ็กกิต

นักบุญทอมัสและคณะผู้เดินทางแห่งสตรูดโดยมาสเตอร์แฟรงก์จากฉากประดับแท่นบูชานักบุญทอมัส

ทอมัส แบ็กกิตเกิดใน ค.ศ. 1118 ที่ชีพไซด์, ลอนดอน ราชอาณาจักรอังกฤษ จากบิดาชื่อกิลเบิร์ต เบเค็ท (สะกด Beket) แห่งเธียร์วิลล์และมาทิลดาแห่งมองเดอวิลล์ไม่ไกลจากค็องในประเทศฝรั่งเศสปัจจุบัน[4] กิลเบิร์ตเป็นบุตรของอัศวินมีอาชีพเป็นพ่อค้าที่นำผ้าเข้ามาจากฝรั่งเศสเข้ามาขายในอังกฤษ (Mercery) แต่ในลอนดอนมาเป็นเจ้าของบ้านที่ดินที่มีรายได้จากการให้เช่า[4] ร่างของทั้งสองคนฝังไว้ที่มหาวิหารนักบุญเปาโลเดิม มีเรื่องเล่ากันว่ามารดาของแบ็กกิตเป็นเจ้าหญิงซาราเซนผู้มาตกหลุมรักพ่อที่เป็นชาวอังกฤษขณะที่เดินทางไปทำสงครามครูเสดหรือไปแสวงบุญที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และได้ติดตามมายังอังกฤษ ได้รับศีลล้างบาป และสมรสกับกิลเบิร์ต เรื่องราวดังกล่าวไม่มีมูลความจริง เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นสามศตวรรษหลังจากการเสียชีวิตของเบ็คเค็ท และแทรกเข้าไปในหนังสือที่เขียนในคริสต์ศตวรรษที่ 12 "ชีวิตของทอมัส เบ็คเค็ท" โดยเอ็ดเวิร์ด กริม[5][6]

เพื่อนที่มีฐานะดีคนหนึ่งของบิดา รีแชร์เดอเลเกลอร์ (Richer de L'Aigle) หลงเสน่ห์ของพี่สาวน้องสาวของแบ็กกิตและมักจะชวนเบ็คเค็ทไปเยี่ยมคฤหาสน์ที่ซัสเซ็กซ์ ที่เบ็คเค็ทได้เล่าเรียนการขี่ม้าล่าสัตว์และทำตัวเยี่ยงผู้ดีมีตระกูล และเข้าร่วมในกีฬาอันเป็นที่เป็นที่นิยมกันในสมัยนั้นเช่นการประลองทวนบนหลังม้า ด้านการศึกษาเบ็คเค็ทได้รับการศึกษาเป็นอย่างดีมาตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบทั้งในด้านกฎหมายแพ่ง และ กฎหมายศาสนจักรที่เมอร์ตันไพรออรีในอังกฤษและต่อมาไปศึกษาต่อที่ปารีส, โบโลนยา และ โอแซร์ รีแชร์ต่อมาเป็นบุคคลหนึ่งที่ลงนามในธรรมนูญแคลเร็นดอนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเบ็คเค็ท

เมื่อกลับมาถึงราชอาณาจักรอังกฤษเบ็คเค็ทก็กลายเป็นคนโปรดของทีโอบอลด์แห่งเบ็ก อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีในขณะนั้นผู้มอบหน้าที่สำคัญๆ หลายครั้งในการส่งตัวเบ็คเค็ทไปยังกรุงโรม และในที่สุดก็แต่งตั้งแบ็กกิตให้เป็นอัครพันธบริกรแห่งแคนเทอร์เบอรีและโพรโวสต์แห่งเบเวอร์ลีย์ นอกจากนั้นแล้วเบ็คเค็ทก็ยังทำงานด้วยความตั้งใจอย่างจริงจังและความมีประสิทธิภาพจนอาร์ชบิชอปทีโอบอลด์ทรงแนะนำตัวแก่พระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษเมื่อตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีว่างลง พระเจ้าเฮนรีจึงทรงแต่งตั้งให้ทอมัส แบ็กกิต เป็นอัครมหาเสนาบดีในปี ค.ศ. 1155

พระเจ้าเฮนรีมีพระราชประสงค์ที่จะมีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินที่ทรงปกครอง ทั้งทางกิจการทางโลกและทางศาสนา และมีพระราชประสงค์ที่จะกำจัดอภิสิทธิ์ทั้งหมดของนักบวชอังกฤษ ที่ทรงเห็นว่าเป็นสิ่งกีดขวางพระราชอำนาจ ในฐานะอัครมหาเสนาบดีแบ็กกิตมีหน้าที่รับผิดชอบในการเก็บภาษีที่ดินให้แก่พระมหากษัตริย์ ที่รวมทั้งที่ดินของโบสถ์และมุขมณฑล ซึ่งสร้างเกิดความลำบากให้แก่บรรดานักบวชและผู้นำทางศาสนา ซึ่งเป็นผลให้เกิดความไม่พึงพอใจในการกระทำของแบ็กกิต นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีการกล่าวร้ายป้ายสีกันหนักขึ้นว่าแบ็กกิตเป็นผู้ละเลยความเป็นนักบวช และหันไปเป็นข้าราชสำนักผู้มีชีวิตอันหรูหราฟุ่มเฟือย และประจบสอพลอพระเจ้าเฮนรี แบ็กกิตเป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อผลประโยชน์ของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีอย่างเต็มที่ ซึ่งก็ไม่มีผู้ใดนอกไปจากจอห์นแห่งซอลสบรีเท่านั้นที่จะมีความแคลงใจต่อความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของเบ็คเค็ท

พระเจ้าเฮนรีถึงกับทรงส่งพระราชโอรสเฮนรียุวกษัตริย์ไปประทับอยู่กับแบ็กกิต ตามประเพณีในขณะนั้นที่บุตรของผู้มีอำนาจมักจะถูกส่งตัวไปพำนักอยู่กับสำนักหรือบ้านเรือนของผู้มีอำนาจคนอื่น ๆ พระราชโอรสเฮนรีตรัสเองว่าเบ็คเค็ทแสดงความรักฉันท์พ่อต่อพระองค์ยิ่งไปกว่าพระราชบิดาที่แสดงตลอดพระชนม์ชีพ ความสัมพันธ์ดังกล่าวอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เฮนรีทรงหันไปเป็นปฏิปักษ์ต่อพระราชบิดาก็เป็นได้

ใกล้เคียง

ทอมัส เอดิสัน ทอมัส แบ็กกิต ทอมัส โรเบิร์ต มาลธัส ทอมัส พาร์ทีย์ ทอมัส เจฟเฟอร์สัน ทอมัส อไควนัส ทอมัส ดิเลนีย์ ทอมัส บรูซ เอิร์ลที่ 7 แห่งเอลกิน ทอมัส โคล ทอมัสแห่งวูดสตอก ดยุกที่ 1 แห่งกลอสเตอร์